พาส่อง 7 เทรนด์สำคัญในการตีตลาดชาว Gen Z ปี 2024 (ตอนที่ 1)
Gen Z คือกลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและโทรศัพท์ตั้งแต่เกิด พวกเขาคุ้นชินกับโลกที่มีอินเตอร์เน็ต, สมาร์ทโฟน และโซเชียลมีเดีย โดยสถิติจาก JASON DORSEY ระบุว่า
> 95% ของชาว Gen Z เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน
> 83% ของชาว Gen Z เป็นเจ้าของแล็ปท็อป
> 78% ของชาว Gen Z เป็นเจ้าของคอนโซลเกมส์ ตัวอย่างเช่น Playstation5 ,Xbox ,Nintendo switch เป็นต้น
โดยชาว Gen Z มากกว่าครึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อไม่มีสมาร์ทโฟนมากกว่าไม่มีกระเป๋าสตางค์ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าชาว Gen Z ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลสำรวจพบว่าชาว Gen Z ในประเทศไทยใช้ Instagram, Facebook, TikTok และ Youtube บ่อยที่สุดตามลำดับ โดยนอกเหนือจากนี้พวกเขาก็จะใช้เวลากับการดูหนังใน Netflix, Disney+ Hotstar และอื่นๆ
Y2K คือคำย่อมาจากคำว่า “Year 2000” เป็นคำเรียกช่วงที่เกิดจากความกังวลว่าระบบดิจิตัลจะล่มเมื่อเข้าสู่ปี 2000 แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน คำว่า Y2K ก็กลับมาอีกครั้งในรูปแบบของแฟชั่นการแต่งตัวและไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์และสดใสที่ชาว Gen Z ชื่นชอบ โดยเหล่ากูรูด้านแฟชันต่างออกมาให้ความเห็นเหตุผลที่ชาว Gen Z ชื่นชอบและโหยหายุค Y2K ไม่ว่าจะเป็น
> เป็นเรื่องของการที่สิ่งเก่ากลับมาดูมีเสน่ห์และแปลกใหม่อีกครั้ง (Nostalgic)
> โหยหายุคที่สามารถผ่านพ้นความกังวลไปได้ เช่น ยุคสมัยซึ่งกลัวระบบดิจิตัลล่ม กลับไม่มีอะไรอย่างที่กังวล
> โหยหายุคที่ให้ความสนุกและความสบายใจ ซึ่งทำให้สามารถปลดปล่อยและแสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่
> Gen Z ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการให้ความสำคัญกับเทรนด์ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การที่ต้องอุปโภคสิ่งที่เข้ากับหลักการด้านจริยธรรมแต่ก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นได้นำไปสู่การย้อนยุคไปที่สินค้าวินเทจและการรีเซลในราคาที่จับต้องได้ เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้ว ภาคธุรกิจนอกเหนือจากกลุ่มแฟชั่น ก็มีโอกาสที่จะนำความชื่นชอบของชาว Gen Z มาใช้ในการคิดสร้างสรรค์สินค้าและบริการในแบบ Nostalgia Marketing ซึ่งสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับอดีตที่น่าโหยหามาตีตลาดชาว Gen Z ได้เช่นกัน
ค่านิยมของชาว Gen Z มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการจากแบรนด์ต่างๆ Gen Z ไม่เพียงแต่ตัดสินใจจากคุณภาพของสินค้าเพียงเท่านั้น แต่พวกเขาให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีการแสดงออกในจุดยืนทางสังคมที่ชัดเจน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การซื้อของแต่ละครั้งของชาว Gen Z เปรียบเหมือนการแสดงคุณค่าของพวกเขา
จากผลสำรวจด้านพฤติกรรมและแนวคิดของชาว Gen Z พบว่า 82% ของชาว Gen Z มีแนวคิดที่เปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศมากขึ้น เราสามารถเห็นตัวอย่างการให้ความสำคัญในเรื่องเพศของชาว Gen Z ได้อย่างชัดเจนในกิจกรรมขับเคลื่อนและผลักดันกฎหมายการสมรสเท่าเทียมสำหรับชาว LGBTQ+
ซึ่งสวนทางกับความคิดของ Gen อื่นๆ เช่น Baby Boomer ตัวอย่างผลสำรวจระบุว่า 63% จากกลุ่มผู้ชายในวัย Baby Boomer (เกิดตั้งแต่ปี ค.ศ.1946-1964) กล่าวว่าพวกเขา “ไม่เห็นด้วย” กับกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย โดยในภาคธุรกิจ หลากหลายแบรนด์ได้ปรับตัวโดยการจัดทำสินค้าที่เป็น Unisex เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น MUJI, Uniqlo เป็นต้น