[Gen Z Series]

เทรนด์สำคัญในการตีตลาด Gen Z (ตอนที่ 2)

March 20, 2024
มาต่อกันกับตอนที่ 2 ของ 7 เทรนด์สำคัญในการตีตลาดชาว Gen Z ปี 2024

     จากตอนที่ผ่านมา เราได้รู้กันไปแล้วว่าจะเข้าถึง Gen Z ผ่านเทรนด์อะไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็น การต้องปรับตัวเข้ากับสื่อดิจิทัล วัฒนธรรม Y2K การเชื่อมโยงกันผ่านวัฒนธรรมที่มีเหมือนกัน เช่น การยอมรับความหลากหลายในสังคม วันนี้เรามาศึกษากันต่อว่ายังมีเทรนด์อะไรอีก ที่ผู้ประกอบการหรือคนทำธุรกิจจะสามารถเชื่อมโยงกับลูกค้ากลุ่ม Gen Z ได้บ้าง

🧩 5. โซเชียลมีเดีย = Search Engine ของคนยุคใหม่

     SEO หรือ SEM อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ! เมื่อชาว Gen Z มีวิธีใหม่ในการค้นหาข้อมูลที่นอกเหนือจาก Google สิ่งนั้นก็คือ TikTok และ Instagram

     ชาว Gen Z ประมาณ 40% ชอบที่จะการเรียนรู้ด้วยภาพมากกว่าการเรียนรู้ด้วยข้อความแบบดั้งเดิม และมักใช้ TikTok และ Instagram เพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆที่พวกเขาสนใจ พวกเขาใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆที่พวกเขาสนใจ ตั้งแต่ Lifestyle วัฒนธรรมป๊อปไปจนถึงคำแนะนำในการใช้เครื่องมือทำงานการใช้งานที่สามารถนำไปทำตามได้จริง ตัวอย่างเช่น ช่อง Adobe Express บน TikTok พวกเขาซึ่งนำเสนอเทคนิคการใช้งานโปรแกรม Adobe ที่ทุกคนว่าใช้งานยากให้สามารถที่ทุกคนสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายและนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งแบรนด์สามารถปรับตัวและตีตลาดชาว Gen Z ได้โดยการทำคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจและกระจายสื่อในแพลตฟอร์มที่ชาวGen Z มักใช้มากที่สุด

🧩 6. ความกังวลเรื่องสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น

     จากผลสำรวจของ Deloitte ในปี 2021 พบว่าครึ่งหนึ่งของชาว Gen Z รู้สึกเครียดและวิตกกังวลบ่อยครั้งหรือตลอดเวลา ซึ่งสาเหตุมาจากการที่พวกเขาใช้เทคโนโลยีมากเกินไป ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตบางคนเรียกอาการนี้ว่า “iDisorder”

     ชาว​ Gen Z มีแนวโน้มที่จะเข้ารับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตมากกว่าคนรุ่นอื่น เพราะพวกเขา และเปิดกว้างในการพูดคุยและปรึกษาหารือเกี่ยวกับสุขภาพจิตของตนเอง โดยจากผลการสำรวจพบว่าชาว Gen Z มีแนวโน้มที่จะได้รับการรักษาหรือบำบัดมากกว่า 37% เมื่อเทียบกับ Gen Y (35%), Gen X (26%), Baby Boomers (22%), และ Silent Generation (15%) ฉะนั้นสื่อหรือสินค้าหรือบริการที่ต้องการตีตลาดชาว Gen Z ควรต้องมีความสร้างสรรค์และผ่านการคิดอย่างรอบด้านเพื่อที่จะไม่ให้กระทบจิตใจในเชิงลบของพวกเขา

🧩 7. Gen Z มีอิทธิพลต่อที่ทำงาน

     ในปัจจุบันสมาชิกที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม Gen Z (เกิดค.ศ.1997) ได้เข้าสู่การทำงานแบบ Full-Time เป็นครั้งแรก แต่องค์กรซึ่งทาง World Economic Forum คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 Gen Z จะคิดเป็นร้อยละ 27 ของแรงงานทั้งหมด กลายเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

     ตอนนี้ชาว Gen Z เริ่มเข้ามาเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากผลการวิจัยที่น่าสนใจแสดงให้เห็นว่า 40% ของชาว Gen Z ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าต้องการเพิ่มศักยภาพและการเติบโตภายในองค์กร นอกจากนี้ Gen Z ยังมีแนวโน้มในการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ในที่ทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เช่น พวกเขาต้องการชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น มีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม มื้ออาหารฟรี และเพิ่มโบนัส และเงินเดือนในระดับที่สูงกว่าปกติจำนวนมาก เป็นต้น  อีกทั้งพวกเขายังต้อง การมาทำงานแบบ Hybrid มากกว่าการทำงานแบบ Work From Home อย่างเดียว เป็นต้น

     จะเห็นได้ว่า Gen Z มองว่าการทำงานเป็น Lifestyle อย่างนึงของพวกเขา (Work-Life Integration) ฉะนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมในการพัฒนาหรือปรับปรุงสินค้าหรือบริการที่สามารถอำนวยความสะดวก Gen Z และสนับสนุนพวกเขาในที่ทำงานได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: